น้ำมันมะพร้าวดูคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน

ท่ามกลางตลาดน้ำมันที่มีการแข่งขันสูง น้ำมันมะพร้าวก็เป็นน้ำมันอีกชนิดหนึ่งที่มีผู้ผลิตหลายรายเข้ามาแข่งขันและทำการตลาด น้ำมันมะพร้าวดูเผินๆแบบไม่คิดอะไรมากก็เหมือนกันหมด กล่าวคือ สีเหมือนกัน สกัดจากมะพร้าวเหมือนกัน ใช้บริโภคหรือทำอาหารได้เหมือนกัน จะแตกต่างกันก็บรรจุภัณฑ์เท่านั้นเอง จริงๆแล้วน้ำมันมะพร้าวแต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกัน เพียงแต่คนทั่วไปไม่ทราบ ก่อนหน้าที่ผู้เขียนจะได้มาศึกษาเรื่องน้ำมันมะพร้าวก็เหมือนท่านผู้อ่านทุกท่าน คือ ไม่รู้จะเลือกยี่ห้อไหนดีและคิดว่าน้ำมันมะพร้าวเหมือนกันหมด ก็เลยเลือกแบบที่ราคาถูกที่สุด และก็มาเจอกับตัวเองเมื่อนำน้ำมันมะพร้าวที่เราคิดว่าดีไปประกอบอาหาร น้ำมันมะพร้าวสำหรับทำอาหารที่ผู้เขียนเคยใช้ มันไม่ค่อยแข็งตัว คือ ช่วงฤดูหนาวที่อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ (น้ำมันมะพร้าวจะแข็งตัวเมื่ออยู่ภายใต้อุณหภูมิต่ำก่วา 25 องศาเซลเซียส) น้ำมันมะพร้าวจะแข็งตัวหรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า “เป็นไข” เพราะโดยปกติแล้วน้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันอิ่มตัวสูงถึง 80% แต่น้ำมันมะพร้าวสำหรับทำอาหารที่ผู้เขียนได้ซื้อมาใช้มันเป็นไขเพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่เป็นเลย ซึ่งผิดจากธรรมชาติของน้ำมันมะพร้าวคุณภาพดี (เอาจริงๆไม่แน่ใจเหมือนกันว่าน้ำมันมะพร้าวจริงหรือเปล่า? คิดอยู่ในใจว่าน่าจะผสมอะไรบางอย่าง ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนยี่ห้อใหม่) ที่เล่าให้ฟังเพราะผู้เขียนต้องการบอกว่า น้ำมันมะพร้าวดูเหมือนกันแต่จริงๆแล้วไม่เหมือนกัน เราต้องเลือกใช้ให้เป็นจึงจะปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างแท้จริง คุณภาพของน้ำมันมะพร้าววัดกันที่ไหน? คำตอบคือวัดกันที่สารอาหารที่มีมากในน้ำมันรวมถึงความเป็นธรรมชาติมาก กล่าวคือ ผ่านกระบวนการในการสกัดน้อย ผ่านความร้อนน้อย โดยไม่มีการใช้สารเคมีหรือสารอื่นในกระบวนการสกัดน้ำมัน สิ่งที่เราควรพิจารณาเมื่อซื้อน้ำมันมะพร้าว แน่นอนว่าเราทุกคนต้องการได้ของคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสมถูกต้องไหมครับ? น้ำมันมะพร้าวก็เหมือนกับสินค้าหลายๆชนิดที่มีหลายเกรด ขึ้นอยู่กับแหล่งวัตถุดิบ กรรมวิธีการผลิต